หลังจากที่ทาง Samsung ได้ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงลำใหม่ในตระกูล Galaxy S21 Series ภายในงาน Unpacked 2021 เมื่อคืนนี้ ที่มีด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ Galaxy S21, Galaxy S21 Plus และ Galaxy S21 Ultra รวมไปถึงยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกด้วยอย่าง Galaxy Buds Pro หูฟังไร้สายรุ่นใหม่, Galaxy SmartTag และ SmartTag+ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ติดตามอัจฉริยะชิ้นใหม่ของซัมซุงที่พร้อมเปิดตัวด้วยภายในงาน

ซึ่งแน่นอนว่าตัวเอกของงานนั่นก็คือสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S21 Series ที่ทุกคนรอคอยกันมานานนับหลายเดือนก่อนจะเข้าวันปีใหม่ซะอีก และเมื่อคืนนี้เราก็ได้เห็นตัวเครื่องกันเป็นๆ ทั้งหมด 3 รุ่นกันไปแล้ว ที่มีความแตกต่างกัน รวมไปถึงสเปกบางรุ่นก็อาจจะมีความคล้ายคลึงกัน โดยเฉพาะในรุ่น Galaxy S21 และ Galaxy S21 Plus ซึ่งหลายคนก็มีคำถามที่ว่าสเปกของทั้ง 2 รุ่นนั้นมีความเหมือนกันมาก แต่ความต่างอยู่ที่ขนาดของหน้าจอ, ความจุของแบตเตอรี่, สีของตัวเครื่องและราคาเปิดขาย

ส่วนในรุ่น Ultra นั้นเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท็อปสุดในตระกูล Galaxy S21 Series ที่หลายคนให้ความสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยจุดเด่นของรุ่นนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นในเรื่องของกล้องที่ให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ที่สามารถถ่ายภาพได้ในระดับมือโปรและรองรับระบบกันสั่นที่สามารถถ่ายวีดีโอแบบเอ็กซ์ตรีมที่ผาดโผนก็ยังได้ รวมถึงยังรองรับปากกา S-Pen ที่เป็นรุ่นแรกในซีรี่ส์นี้อีกด้วย

มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า สำหรับบทความนี้ ทางทีมงาน StepGeek.TV ได้ทำการเปรียบเทียบสเปกให้เห็นกันจะๆ ของทั้ง 3 รุ่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก Galaxy S21, Galaxy S21 Plus และรุ่นพี่ใหญ่สุดอย่าง Galaxy S21 Ultra เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจง่ายขึ้น รวมไปถึงสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นนั้นเราควรเลือกซื้อรุ่นไหนดีกว่า?? ต้องขอบอกก่อนนะว่าสมาร์ทโฟนทั้ง 3 รุ่นนี้มีข้อดีที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ที่จะต้องตัดสินใจเลือกซื้อนะคะ
สเปก Samsung Galaxy S21
- ขนาดตัวเครื่อง 71.2 x 151.7 x 7.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 179 กรัม
- หน้าจอ AMOLED 2X ขนาด 6.2 นิ้ว ความละเอียด FHD+ จอรีเฟรชเรท 120Hz ความสว่าง 1300 nits
- ชิปเซ็ต Exynos 2100 ขนาด 5 นาโนเมตร
- RAM 8GB
- ROM 128GB/256GB
- กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 รองรับ OIS+ เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา รูรับแสง f/2.2 + เลนส์ Telephoto ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 รองรับระบบกันสั่น OIS, PDAF และสามารถซูมแบบไฮบริดได้ 3 เท่าและซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุด 30 เท่า
- กล้องหน้า ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25 วัตต์
- รองรับลำโพงสเตอริโอ AKG
- รองรับพอร์ต USB-C
- รองรับ 5G
- รองรับ Wi-Fi6
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI 3.0
- รองรับมาตราฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
- มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีม่วง, สีชมพู, สีเทาและสีขาว
สเปก Samsung Galaxy S21 Plus
- ขนาดตัวเครื่อง 75.6 x 161.5 x 7.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 202 กรัม
- หน้าจอ AMOLED 2X ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ จอรีเฟรชเรท 120Hz ความสว่าง 1300 nits
- ชิปเซ็ต Exynos 2100 ขนาด 5 นาโนเมตร
- RAM 8GB
- ROM 128GB/256GB
- กล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 รองรับ OIS+ เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 120 องศา รูรับแสง f/2.2 + เลนส์ Telephoto ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 รองรับระบบกันสั่น OIS, PDAF และสามารถซูมแบบไฮบริดได้ 3 เท่าและซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุด 30 เท่า
- กล้องหน้า ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ขนาด 4,800 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25 วัตต์
- รองรับลำโพงสเตอริโอ AKG
- รองรับพอร์ต USB-C
- รองรับ 5G
- รองรับ Wi-Fi 6
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI 3.0
- รองรับมาตราฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
- มีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีเงิน, สีดำและสีม่วง
สเปก Samsung Galaxy S21 Ultra
- ขนาดตัวเครื่อง 75.6 x 161.5 x 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 228 กรัม
- หน้าจอ AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) จอรีเฟรชเรท 120Hz ความสว่างของหน้าจอ 1500 nits
- ชิปเซ็ต Exynos 2100 ขนาด 5 นาโนเมตร
- RAM 12GG/16GB
- ROM 128GB/256GB/512GB
- กล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มาพร้อมเซ็นเซอร์ Samsung HM3 แบบ Nano Super-PD ขนาดพิกเซล 0.8um ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33” รูรับแสง f/1.8 และรองรับระบบกันสั่น OIS + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมเซ็นเซอร์ IMX563 รูรับแสง f/2.2 + เลนส์ Telephoto (1) ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 10 เท่า รูรับแสง f/4.9 + เลนส์ Telephoto (2) ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 3 เท่า และมีระบบโฟกัสภาพแบบ Laser AF Time-of-Flight
- กล้องหน้า ให้ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 25 วัตต์และรองรับการชาร์จ Wireless Charging
- รองรับปากกา S-Pen
- รองรับลำโพงสเตอริโอ AKG
- รองรับพอร์ต USB-C
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI 3.0
- รองรับ 5G
- รองรับ Wi-Fi 6E
- รองรับ Bluetooth 5.1
- รองรับมาตราฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
ตารางเปรียบเทียบสเปกของทั้ง 3 รุ่น (Samsung Galaxy S21, Galaxy S21 Plus และ Galaxy S21 Ultra)

จากตารางเปรียบเทียบนั้นเราจะเห็นได้เลยว่าในรุ่น Ultra ซึ่งเป็นรุ่นท็อปสุด จะมีความแตกต่างจาก Galaxy S21 และ Galaxy S21 Plus ไม่ว่าจะเป็นขนาดของหน้าจอที่ใหญ่กว่า, ความละเอียดของจอที่สูงกว่า, แบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่าและกล้องระดับโปรมีทั้งหมด 4 ตัว ที่ให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รวมไปถึงยังมีหน่วยความจำเยอะกว่า เห็นหรือไม่ว่าในรุ่นท็อปนั้นจะมีอะไรที่เหนือกว่ารุ่นเล็ก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่า Galaxy S21 และ Galaxy S21 Plus จะด้อยไปกว่ารุ่นท็อปนะคะ

ซึ่งทั้ง 2 รุ่น อย่าง Galaxy S21 และ Galaxy S21 Plus นั้น ล้วนมีความเหมือนกันแทบจะทุกอย่าง ที่หลายคนก็ถามเข้ามาเยอะมากเลยว่ามันแตกต่างกันอย่างไรทั้ง 2 รุ่นนี้ ตอบเลยว่ามันไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่หลอก แถมบางคนอาจจะเลือกซื้อรุ่นเล็กมากกว่าอีกซะด้วย เพราะด้วยราคาขายก็ถูกกว่าแต่ได้สเปกพอๆ กับรุ่น Plus เลย อิอิ เพียงแต่หน้าจอมีขนาดเล็กกว่าอยู่ที่ 6.2 นิ้ว

ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก แต่ก็ไม่แพ้รุ่นตัวท็อปนะคะ เพราะด้วยขนาดของหน้าจอที่มีขนาด 6.2 นิ้ว จึงทำให้ตัวเครื่องนั้นมีขนาดที่กะทัดรัด ไม่ใหญ่ ไม่เทอะทะ ถือแล้วไม่ล้นมือ ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็สามารถถือและพกพาได้อย่างสบายๆ แถมยังสามารถใช้งานได้สะดวกมากกว่า แต่ในรุ่น Galaxy S21 และ Galaxy S21 Plus จะไม่รองรับปากกา S-Pen เหมือนกับรุ่น Ultra ที่สามารถใช้จดบันทึกบนหน้าจอได้คล้ายกับสมาร์ทโฟนในรุ่น Galaxy Note Series และจะมีเฉพาะในรุ่น Ultra เท่านั้นที่รองรับปากกา S-Pen

แต่จะพูดไปทั้ง 3 รุ่น สเปกก็มีทั้งความเหมือนและความต่างกัน แต่ถ้าถามเรื่องการใช้งานนั้นก็จะมีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ซึ่งบางคนชอบโน้ต จดนู่น จดนี่ จดนั่น จดสารพัดทุกอย่างหรือชอบขีดเขียนบนสมาร์ทโฟนก็คงหนีไม่พ้นที่จะต้องตัดสินใจเลือกซื้อ Galaxy S21 Ultra ที่มาพร้อมกับปากกา S-Pen ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ตัดสินใจซื้อง่ายมาก ส่วนถ้าหากใครชอบขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่มากก็ต้องดู Galaxy S21 รุ่นเล็ก ที่มีหน้าจอขนาด 6.2 นิ้วนะคะ

ในขณะที่รุ่น Plus จะมาพร้อมกับหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ซึ่งขนาดของหน้าจอนั้นก็ไม่ต่างกับรุ่น Ultra มากเท่าไหร่ แต่มีสเปกที่คล้ายกับรุ่นเล็กมาก เอาเป็นว่าการตัดสินใจซื้อนั้นขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล บางคนชอบสเปกแรง บางคนชอบขนาดกะทัดรัดไม่เน้นสเปกมากเท่าไหร่ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและสิ่งที่ตอบโจทย์ตัวเรามากที่สุดนั่นแหละค่ะ
การดีไซน์ของตัวเครื่องที่มีความสวยงามและหรูหรา
Samsung Galaxy S21 Series ทั้ง 3 รุ่นนั้น ได้รับการดีไซน์ใหม่ โดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน แถมยังมาพร้อมกับนวัตกรรมที่ล้ำสมัยเพื่อรองรับการใช้งานอย่างเต็มที่ในทุกช่วงเวลา และยังได้รับการดีไซน์เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับสมาร์ทโฟนอีกด้วย ซึ่งในรุ่น Galaxy S21 นั้นมาพร้อมกับการดีไซน์ที่สวยงาม หรูหรา บางเบาและมีขนาดที่พอดีมือด้วยหน้าจอขนาด 6.2 นิ้ว ในขณะที่ Galaxy S21 Plus นั้น ก็มีความสวยงามไม่แพ้กับรุ่นเล็กเลย แต่มีหน้าจอขนาดใหญ่กว่า ส่วนบริเวณด้านหลังนั้นทำมาจากวัสดุพื้นผิวด้านแบบ Haze Finish ที่ให้ความเรียบหรู ดูดี มีระดับได้เป็นอย่างดี ส่วนในรุ่น Ultra นั้นก็มีความโฉบเฉี่ยวและเพรียวบางเช่นกัน


หน้าจอแสดงผลที่มีความแตกต่างกัน
จากตารางเปรียบเทียบเราก็ได้เห็นกันแล้วและทุกคนก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าหน้าจอทั้ง 3 รุ่นนั้นมีความแตกต่างกัน โดยรุ่น Ultra จะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่ารุ่นอื่น ที่มาพร้อมกับหน้าจอ AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) จอรีเฟรชเรท 120Hz และความสว่างของหน้าจอสูงสุด 1500 nits ซึ่งสว่างที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy

ส่วนรุ่น Plus เป็นรุ่นรองลงมา มีขนาดหน้าจอเล็กลงมาเล็กน้อยอยู่ที่ 6.7 นิ้ว จอรีเฟรชเรท 120Hz และความสว่างสูงสุด 1300 nits ในขณะที่รุ่นเล็กสุดจะมีขนาด 6.2 นิ้ว ส่วนสเปกหน้าจอทุกอย่างเหมือนกับรุ่น Plus เลย สำหรับใครที่ชอบหน้าจอใหญ่เราก็เชียร์รุ่น Ultra แต่ถ้าใครชอบหน้าจอเล็กขนาดกะทัดรัดก็ต้องรุ่นเล็ก Galaxy S21 ส่วนใครที่ชอบหน้าจอใหญ่ ราคาไม่แพงเท่ารุ่นท็อป และไม่ซีเรียสเรื่องสเปกเท่าไหร่ก็ต้องเลือกรุ่น Plus เพราะเนื่องจากสเปกนั้นจะมีความคล้ายกับรุ่นเล็กอยู่หลายอย่าง

กล้องถ่ายภาพทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง
ต้องขอบอกก่อนเลยว่า Samsung ได้พัฒนาและได้รับการปรับปรุงกล้องหลังสำหรับสมาร์ทโฟนในตระกูลนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งจุดสำคัญที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างรุ่น Ultra และรุ่นเล็ก โดยรุ่น Ultra นั้นจะมีกล้องระดับมืออาชีพที่ล้ำสมัยที่สุด สามารถถ่ายภาพที่มีคุณภาพเทียบเท่ากับการถ่ายภาพในสตูดิโอเลย แถมยังยัดฟีเจอร์เข้ามาอีกเพียบ ซึ่งจะทำให้ทุกช็อตของการถ่ายภาพนั้นดูยอดเยี่ยมขึ้นไปอีกระดับ

โดยจะมีกล้องหลังทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์กล้องที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสมาร์ทโฟน Samsung Galaxy ในขณะที่รุ่น Plus และรุ่นเล็กสุดนั้นจะมีกล้องหลังทั้งหมด 3 ตัว ที่มีสเปกที่เหมือนกันเลย ที่ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และเลนส์ Telephoto ที่ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ซึ่งจากที่เห็นถึงความละเอียดของกล้องแล้ว รวมไปถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีอยู่นั่น ทำให้รุ่น Ultra นั้นมีคะแนนชนะขาดลอย แต่ถ้าหากผู้ใช้งานไม่ซีเรียสว่าสเปกกล้องนั้นต้องระดับโปร ระดับเทพ ในรุ่นเล็กและรุ่น Plus ก็ถือว่าตอบโจทย์ได้ดีอยู่แล้วนะคะ

ความจุแบตเตอรี่
แน่นอนว่าความจุของแบตเตอรี่ทั้ง 3 รุ่นนั้นมีขนาดที่แตกต่างกัน ซึ่งทางซัมซุงเองได้พัฒนาให้ความจุที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม โดยในรุ่นเล็กจะมีขนาดความจุที่ 4,000 mAh และรุ่น Plus ขนาดความจุมากกว่ารุ่นเล็กอยู่ที่ 4,800 mAh ก็ถือว่าความจุที่มากกว่าอยู่มาก ในขณะที่รุ่น Ultra มีความจุที่ยัดมาให้ถึง 5,000 mAh และจะรองรับการชาร์จเร็วที่ 25 วัตต์ทั้งหมด 3 รุ่นเท่ากันเลย ที่สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วทันใจทั้ง 3 รุ่น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้งานว่าจะเลือกรุ่นไหนและเหมาะกับตัวเองมากที่สุด

บทสรุปสุดท้ายเราจะเลือกซื้อรุ่นไหนดี??
บทสรุปส่งท้ายบทความนั้นมีความสำคัญมากสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อ และการเปิดตัวในครั้งนี้ก็มีทั้งหมด 3 รุ่น ด้วยกัน ทั้ง Galaxy S21 รุ่นเล็ก, Galaxy S21 Plus และรุ่นท็อปสุด Galaxy S21 Ultra ที่มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ไม่รวมรุ่น Ultra นะจ๊ะ เพราะรุ่นท็อปก็อย่างที่เรารู้กันอยู่แล้วว่ามันต้องพิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ รวมถึงราคาก็ต้องสูงกว่ารุ่นอื่นเช่นกัน และเมื่อไม่นานมานี้ซัมซุงประเทศไทยก็ได้เปิดราคาขายออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ
ราคา Galaxy S21 series วางจำหน่ายในประเทศไทย
- Galaxy S21 5G มาใน 3 สี ได้แก่ Phantom Pink, Phantom Gray และ Phantom Violet ในราคาเริ่มต้นที่ 27,900 บาท
- Galaxy S21+ 5G มาใน 3 เฉดสีสุดโมเดิร์น นำโดย Phantom Violet, Phantom Black และ Phantom Silver ในราคาเริ่มต้นที่ 33,900 บาท
- Galaxy S21 Ultra 5G เปิดตัวมาใน 2 สีสุดคลาสสิก ได้แก่ Phantom Black และ Phantom Silver ในราคาเริ่มต้นที่ 39,900 บาท

ซึ่งราคาก็แตกต่างจากที่เปิดตัวไปเมื่อคืนนี้อยู่ประมาณ 4,000 บาท เอาเป็นว่าสำหรับเรื่องราคาทุกคนล้วนรู้ดีกันอยู่แล้วว่าราคาขายนั้นจะอยู่ระดับประมาณไหน เรามามองกันที่เรื่องสเปกกันดีกว่า โดยรุ่น Galaxy S21 และ Galaxy S21 Plus นั้นมีสเปกค่อนข้างที่จะคล้ายกันมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้องหลังมีทั้งหมด 3 เลนส์ กล้องหน้าความละเอียด 10 ล้านพิกเซลเท่ากัน การดีไซน์ที่คล้ายกัน จนทำให้ผู้ซื้ออย่างเรานั้นเกิดการสับสนอยู่ไม่น้อย ว่าความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่นนั้น มีความแตกต่างกันไม่มาก หันไปซื้อรุ่นเล็กจะดีกว่าไหม?? แถมราคาก็ถูกที่สุดในรุ่นอีกต่างหาก

ซึ่งความแตกต่างของทั้ง 2 รุ่น ด้วยขนาดหน้าจอของรุ่น Plus และมีแบตเตอรี่ที่ใหญ่กว่ารุ่น Galaxy S21 ส่วนการชาร์จก็รองรับการชาร์จเร็ว 25 วัตต์เท่ากัน ซึ่งเรื่องนี้ทุกคนก็ต้องลองตัดสินใจกันดูก็แล้วกันว่าอยากจะได้ขนาดกะทัดรัด ไม่ซีเรียสเรื่องการถ่ายภาพ ไม่ใช่ว่ากล้องถ่ายภาพไม่สวยนะ ถึงแม้จะเป็นรุ่นเล็กแต่การถ่ายภาพก็สวยไม่แพ้กับรุ่นพี่ๆ ทั้ง 2 รุ่นเลยแหละ แถมได้ราคาถูกก็ต้องจัดรุ่นเล็ก แต่ถ้าต้องการเพิ่มขนาดของหน้าจออีกหน่อย แต่ก็ไม่เน้นเรื่องการถ่ายภาพก็รุ่น Plus
ส่วนหากใครที่ชอบหน้าจอใหญ่และชอบเรื่องการถ่ายภาพแล้วล่ะก็ ไม่ต้องคิดเยอะเลยค่ะ เป้าหมายคือรุ่น Ultra ไปเลย อาจจะมีราคาสูงกว่ารุ่นอื่น แต่สิ่งที่ได้รับก็มีความคุ้มค่าอยู่นะ แถมยังรองรับปากกา S-Pen อีกด้วย ซึ่งก็มีแค่รุ่นเดียวที่รองรับนะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีผู้ใช้เท่านั้นที่จะต้องตัดสินใจเองว่าควรจะเลือกรุ่นไหนดี เพื่อให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากที่สุด ซึ่งบทความนี้ก็เป็นเพียงแค่แสดงความคิดเห็นจากทีมงาน StepGeek.TV เท่านั้น ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังจะตัดสินใจอยู่ไม่มากก็น้อยนะคะ และสำหรับใครที่สนใจ ทาง ซัมซุงประเทศไทยได้เปิดพรีออเดอร์ แล้วเริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 28 มกราคม 2021 แน่นอนว่าใครที่พรีออเดอร์ก็จะได้รับสิทธิพิเศษก่อนใคร แถมยังได้ซื้อในราคาเริ่มต้นเพียง 9,900 บาท อีกด้วย
- เมื่อจอง Galaxy S21 Ultra 5G รับฟรี หูฟังไร้สายรุ่นใหม่ล่าสุด Galaxy Buds Pro มูลค่า 6,990 บาทคู่กับ Galaxy SmartTag มูลค่า 890 บาท
- และสำหรับผู้ที่จอง Galaxy S21+ 5G หรือ Galaxy S21 5G รับฟรี หูฟังไร้สาย Galaxy Buds Live มูลค่า 5,990 บาทคู่กับ Galaxy SmartTag มูลค่า 890 บาท
- รับเพิ่ม Travel Adapter มูลค่า 490 บาท เมื่อจองผ่าน Samsung Experience Store และ samsung.com
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีสิทธิพิเศษกว่าเดิมกับโปรโมชั่นเก่าแลกใหม่ ที่สามารถนำสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตเครื่องเก่าสูงสุดถึง 3 เครื่องมาแลกเป็นส่วนลดเพื่อซื้อ Galaxy S21 Series 5G ได้ 1 เครื่อง ทั้งนี้จะพร้อมวางขายในวันที่ 29 มกราคม 2021 นี้เป็นต้นไป (ตามข่าวเมื่อคืนที่ได้ประกาศไว้ภายในงาน)
นำเสนอข่าวโดย : StepGeek.TV
ที่มา : Samsung