สวัสดีครับ ปัจจุบันสมาร์ทโฟนแบรนด์ Infinix ได้รับความเชื่อใจขากผู้ใช้ในบ้านเรามากขึ้นเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยสมาร์ทโฟนที่สางจำหน่ายแต่ละรุ่นล้วนมีราคาไม่สูง แต่มาพร้อมกับสเปกเครื่องที่คุ้ม แถมยังมีดีไซน์สวย ถ่ายภาพก็คมชัด
ล่าสุดทางแบรนด์ก็ได้ส่ง Infinix Note 8 ลงสู่ตลาดในบ้านเราอีกหนึ่งรุ่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีจุดเด่นที่หน้าจอแสดงผลใหญ่มาก 6.95 นิ้ว, ชิปเซ็ตใหม่ Helio G80, หน่วยความจำแรมขนาด 6GB, กล้องหลังความละเอียด 64 ล้านพิกเซล และแบตเตอรี่สุดอึด 5200 mAh
จากข้อมูลในข้างต้นจะเห็นได้ว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้มีสเปกที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ทางเราจึงนำมารีวิวให้ทุกท่านได้รับชมกัน และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ขอเชิญทุกท่านรับชมกันได้เลย
สเปกเครื่องแบบคร่าวๆ ของ Infinix Note 8

– ตัวเครื่องดีไซน์ตัวเครื่องแบบ Unibody พร้อมใช้เทคโนโลยี Gem Dimond
– หน้าจอแสดงผลแบบ Dual Punch Hole (IPS LCD) ความละเอียด 1640×720 พิกเซล (480nit) ขนาด 6.95 นิ้ว
– ใช้ชิปเซ็ต Helio G80
– ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G52
– หน่วยความจำแรมขนาด 6GB
– หน่วยความจำภายในขนาด 128GB รองรับการเพิ่ม microSD ได้สูงสุด 256GB
– ระบบปฏิบัติการ XOS 7.1 ที่มีพื้นฐานอยู่บน Android 10
– กล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Dual-Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และรองรับเทคโนโลยี AI
– กล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ 3 เลนส์ (Triple-Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล + เลนส์ Portrait + เลนส์ Macro พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Sensor และไฟแฟลช LED
– รองรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านระบบ 4G LTE
– รองรับการเชื่อมต่อ WiFi ที่คลื่นความถี่ 5GHz ได้
– รองรับลำโพงเสียงแบบคู่ พร้อมระบบเสียง DTS Sound
– รองรับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างตัวเครื่อง กับระบบสแกนใบหน้า
– แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5200 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยี Dual Engine 18W และรองรับเทคโนโลยี Power Marathon Embedded ที่จะในเรื่องของการใช้งานพลังงาน ทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น
– ราคา 4,590 บาท
ดีไซน์ตัวเครื่อง

หน้าจอแสดงผลแบบ Dual Punch Hole (IPS LCD) ความละเอียด 1640×720 พิกเซล (480nit) ขนาด 6.95 นิ้ว

ด้านหน้าส่วนบนมีกล้องดิจิทัลด้านหน้าแบบ Dual-Selfie ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล และรองรับเทคโนโลยี AI, ลำโพงเสียงสำหัรบฟังขณะทำการสนทนา และเซ็นเซอร์ต่างๆ

ด้านหน้าส่วนล่างมีปุ่มการสั่งงานแบบ On Screen

ด้านบนของเครื่องไม่มีฟังก์ชันใดๆ ให้ใช้งาน

ด้านล่างของเครื่องมีไมโครโฟน, ช่องเชื่อมต่อกับหูฟังแบบ 3.5 มิลลิเมตร, ช่องเชื่อมต่อกับสาย USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ หรือโอนถ่ายข้อมูล และลำโพงเสียงภายนอก

ด้านขวาของเครื่องมีปุ่มเปิด-ปิด เครื่อง หรือล็อกหน้าจอ พร้อมทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ และปุ่มเพิ่ม-ลด ระดับเสียง

ด้านซ้ายของเครื่องมีถาดใส่ซิมการ์ด

ด้านหลังของเครื่องเป็นดีไซน์แบบ Gem Cut ที่มีความบางโฉบเฉี่ยว ดูสวยงามเป็นพิเศษ

นอกจากนี้ ยังมีกล้องดิจิทัลด้านหลังแบบ 3 เลนส์ (Triple-Camera) ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล + เลนส์ Portrait + เลนส์ Macro พร้อมรองรับเทคโนโลยี AI Sensor และไฟแฟลช LED
จอไซส์ยักษ์ไร้รอยบากใช้งานได้ดีเพียงใด
สำหรับหน้าจอแสดงผลของ Infinix Note 8 ใช้เทคโนโลยีการผลิตหน้าแบบ Punch hole Display ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงที่ไม่มีรอยบากอีกต่อไป อีกทั้งยังมีความละเอียด 1640×720 พิกเซล ที่มีขนาดใหญ่ถึง 6.95 นิ้ว ซึ่งใจปัจจุบันสมาร์ทโฟนที่หน้าจอใหญ่ขนาดนี้มีอยู่น้อยมากๆ

จากการทดสอบก็พบว่าด้วยหน้าจอแสดงผลแบบ Punch hole Display ขนาดใหญ่ 6.95 นิ้ว มีพื้นที่หน้าจอแสดงผลที่ค่อนข้างกว้างเป็นพิเศษ อีกทั้งยังมีความคมชัดระดับ HD+ ซึ่งช่วยชมภาพยนตร์ หรือเล่นเกมได้อย่างเพลิดเพลิน และเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้ง่ายชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเพ่งสายตา

นอกจากจะโดดเด่นในเรื่องของหน้าจอแสดงผลที่กว้างแล้ว ด้านความสว่าง หรือการสู้แสงก็ทำได้ดีไม่น้อย จากการทดลองใช้งานในที่โล่งแจ้ง หน้าจอก็ยังแสดงผลคอนเทนท์ต่างๆ ได้อย่างคมชัด โดยสีสันก็ไม่ดรอปลงมาก เนื่องด้วยมีความสว่างที่ 480nit จึงสู้แสงได้ดี
ไม่เพียงแค่นั้น ในสภาวะแสงน้อย หรือการใช้งานในห้องนอนก็ทำได้ดีเยี่ยมด้วยฟังก์ชันการลดแสงสีฟ้า ก็ช่วยให้ใช้งานด้วยการเล่นเกม หรือดูซีรี่ส์สนุกๆ ก่อนนอนได้อย่างสบายดวงตา โดยเทียบกับสมาร์ทโฟนในระดับที่ใกล้เคียงกันถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนในราคาไม่เกิน 5,000 บาท ที่ให้คุณสมบัติหน้าจอมาดีเป็นอย่างมาก
ทำงานได้หลากหลายด้วย Helio G80

ในส่วนของชิปเซ็ตนั้นมาพร้อมกับชิปเซ็ต Helio G80 ซึ่งทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G52 โดยมีคณบัติสำหรับการใช้งานทั่วไปเป็นหลัก ไม่ได้เน้นการประมวลผลระดับสูง

จากการทดสอบผ่านแอปพลิเคชันจะได้คะแนนอยู่ในระดับกลางๆ ซึ่งจะไม่สูงมากนัก เนื่องด้วยมี CPU กับ GPU ที่เน้นการใช้งานทั่วไปเป็นหลัก จึงไม่เหมาะกับการนำไปใช้งานที่มีการประมวลผลระดับสูง โดยการทดสอบผ่านแอปพลิเคชัน GeekBench 5 จะได้คะแนน 368 สำหรับการประมวลผลแบบ Single-Core และ 1364 คะแนน สำหรับการประมวลผลแบบ Multi-Core
และเมื่อนำ Infinix Note 8 มาทดสอบด้วยการเล่นเกมที่มีกราฟิกสวยอย่าง PUBG Mobile ก็พบว่าสามารถเล่นนี้ได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้มาก เรียกได้ว่า สามารถเล่นได้เพลินๆ แบบไม่มีอาการหน่วงมาให้รบกวนเลยก็ว่าได้ บวกกับการทำร่วมกับหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ บอกเลยว่าเล่นเพลินเป็นอย่างมาก แต่ผู้เขียนแนะนำว่าควรปรับค่าเป็นแบบต่ำสุด เนื่องด้วยเกมนี้ใช้ทรัพยากรเครื่องค่อนข้างเยอะ หากไม่ปรับค่าให้ต่ำลงมาอาจจะเล่นแล้วมีอาการหน่วงมารบกวนได้
มาพร้อม RAM 6GB + ROM 128GB
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยความแรมขนาด 6GB เป็นหน่วยความจำแบบ LPDDR4X ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ที่นิยมใช้ในปัจจุบัน สามารถช่วยตอบโจทย์การใช้งานได้ไหลลื่น สามารถใช้งานแอปพลิเคชันพร้อมๆ กันได้แบบไม่มีอาการหน่วง พร้อมทั้งมีหน่วยความจำภายในขนาด 128GB รองรับการบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้อย่างจุใจ

โดยสมาร์ทโฟนในช่วงราคาไม่เกิน 5,000 บาท Infinix Note 8 ถือเป็นสมาร์ทโฟนที่มีหน่วยความจำแรม กับหน่วยความจำภายในที่เยอะมากๆ ซึ่งสมาร์ทโฟนบางแบรนด์ในหลายๆ รุ่น ในท้องตลาดบ้านเรายังให้ได้ไม่เท่านี้ และไม่ต้องกังวลว่าน่วยความจำภายใน 128GB จะเก็บข้อมูลไม่พอ เพราะสามารถเพิ่มการ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD เพื่อการใช้งานที่หลากหลายได้อีกด้วย
กล้องหลัง 3 เลนส์ 64 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพดีไหม?
โดยกล้องดิจิทัลด้านหลังจะเป็นแบบ 3 เลนส์ม (Triple-Camera) โดยกล้องดิจิทัลตัวแรกจะมีความละเอียด 64 ล้านพิกเซล ซึ่งจะทำงานร่วมกับเลนส์ Protrait และเลนส์ Macro ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี AI Sensor ช่วยในเรื่องของการจับภาพวัตถุ และมีไฟแฟลช LED

ต้องบอกเลยเมื่อช่วงก่อนหน้านี้สมาร์ทโฟนที่มีราคาต่ำกว่า 5,000 บาท ส่วนใหญ่จะมีสเปกกล้องถ่ายภาพที่อยู่ในระดับเพียงแค่ถ่ายภาพได้เท่านั้น แต่กล้องถ่ายภาพด้านหลังของ Infinix Note 8 จัดสเปกกล้องมาให้คุ้มค่าเกินราคาค่าตัวเป็นอย่างมาก
โดยจากการทดสอบก็พบว่าสามารถถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น การถ่ายภาพปกติ, การถ่ายภาพ Portrait หรือแม้แต่การถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อย ก็ถ่ายภาพออกมาได้ดีไม่แพ้กัน

นอกจากจะถ่ายภาพได้ดีแล้ว ประสิทธิภาพของ AI ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน จากการทดสอบ เพียงแค่ส่องกล้องถ่ายภาพไปยังจุด หรือวัตถุที่ต้องการจะถ่าย ตัว AI ก็จะทำการปรับค่า Scene ให้แบบอัตโนมัติ และรวดเร็ว และภาพถ่ายก็คมชัด พร้อมสีสันที่สมจริง ซึ่งดูได้จากภาพตัวอย่างด้านบน

ตัวอย่างภาพจากโหมดปกติจะเห็นได้ว่ารายละเอียดต่างๆ มีความคมชัดเป็นอย่างมาก ด้านสีสัน AI ก็ปรับออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติดูไม่โอเวอร์จนเกินไป

ตัวอย่างภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อยต้องบอกเลยว่า ก็ทำได้ดีเช่นกัน เนื่องด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ในระดับราคานี้ส่วนใหญ่จะถ่ายภาพแสงน้อยไม่ค่อยดีมากนัก และแสดงรายละเอียดดรอปลง แต่กลับกันภาพที่ได้จากสมาร์ทโฟนรุ่นนี้กลับออกมาดีคมชัด แสงต่างๆ ดูใส เรียกได้ว่า พอที่จะถ่ายภาพในสภาวะย้อนแสงได้ แต่จะไม่เหมาะกับถ่ายในที่มืดๆ เลย เนื่องด้วยเทคโนโลยีกล้องไม่ได้เอื้อให้ถ่ายภาพระดับนั้น

ส่วนการถ่ายภาพ Portrait ก็ทำได้ดี สามารถตัดขอบตัวแบบ กับฉากหลังได้อย่างเนียนตาดูเป็นธรรมชาติ ไม่เหมือนภาพตัดแปะแต่อย่างใด
กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล ดีไซน์คู่
สำหรับกล้องดิจิทัลด้านหน้าของรุ่นนี้มีความละเอียดมากถึง 16 ล้านพิกเซล รองรับเทคโนโลยี AI ที่ทำงานร่วมกับโหมดบิวตี้ได้อย่างลงตัว
ด้วยความละเอียดมากถึง 16 ล้านพิกเซล ทำให้ อินฟินิกซ์ Note 8 สามารถถ่ายภาพเซลฟี่ได้ดีในทุกสภาวะแสง

ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีโหมดถ่ายภาพบิวตี้ที่สามารถปรับค่าผิวเนียนได้หลายระดับ โดยจากการทดสอบพบว่า การถ่ายภาพเซลฟี่ผ่านโหมดบิวนี้นั้น ก็ทำได้ดี ภาพถ่ายที่ได้มีผิวเนียนดู ใบหน้ายังคงเป็นสัดส่วน ไม่ดูเลือนกลืนกันทั้งใบหน้าแต่อย่างใด แต่สีสันอาจจะออกไปจืดเล็กน้อย ซึ่งทางทีมงานลงความเห็นว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับราคาสบายกระเป๋าที่ถ่ายภาพเซลฟี่ได้ดีรุ่นนึงเลยทีเดียว

ในด้านของการถ่ายวิดีโอก็สามารถถ่ายได้ ซึ่งจากที่ได้ทดลองใช้ ก็สามารถถ่ายวิดีโอออกมาได้คมชัดเช่นกัน และสามารถบันทึกเสียงได้ดี แต่เนื่องด้วยการที่มีไมโครเพียงหนึ่งตัว อาจจะต้องพูดในระยะใกล้ เพื่อให้ได้เสียงที่คมชัด
ลำโพงเสียงสุดคู่ กับระบบเสียง DTS Sound

อีกหนึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้คือ มาพร้อมกับลำโพงเสียงคู่ รวมพลังกับระบบเสียง DTS Sound ซึ่งเป็นฟังก์ชันสำหรับการเร่งเสียงโดยเฉพาะ สามารถเลือกโหมดให้เหมาะกับการใช้งานได้ ช่วยให้ลำโพงส่งพลังเสียงที่ดังมากขึ้นกว่าเดิม โดยจากการทดสอบด้วยการเล่นเกม หรือฟังเพลงในที่โล่งแจ้ง ก็พบกว่าสามารถขับกำลังเสียงให้ดังฟังชัดได้ และเล่นเกม หรือฟังเพลงได้อย่างเพลิดเพลิน
รองรับการเชื่อมต่อแบบ 5GHz ได้ด้วยนะ!
อีกหนึ่งความพิเศษที่น้อยจะได้เจอสามารถโฟนราคาไม่เกิน 5,000 บาท แต่คุณจะพบได้บน อินฟินิกซ์ Note 8 นั่นคือการเชื่อมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน WiFi ได้ 2 คลื่นความถี่ คือ 2.4GHz และ 5GHz ข้อดีของฟังก์นี้คือ ผู้ใช้จะสามารถใช้งาน WiFi แบบเต็มสปีดได้ เนื่องด้วยในปัจจุบันอุปกรณ์ Access Point เริ่มขยายสัญญาณ WiFi แบบ 5GHz ได้แล้ว

ทำให้ สามารถใช้งาน WiFi ที่มีความเร็วอินเทอร์เน็ต 300mbps ได้ นั่นเอง และจากการทดสอบสัญญาณด้วยการท่องเว็บไซต์ หรือเล่นเกมที่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครื่อง ก็สามารถใช้งานได้อย่างสเถียร และนิ่งเป็นอย่างมาก
ฟีเจอร์อื่นๆ ที่น่าสนใจ
อินฟินิกซ์ Note 8 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ XOS เวอร์ชัน 7.1 ครอบทับด้วยระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชัน 10 และรองรับการใช้งานได้พร้อมกัน 2 ซิมการ์ด

มีฟังก์ชัน Smart Bar ให้ใช้งาน ซึ่งสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชัน หรือฟังก์ชันลัดได้อย่างรวดเร็ว
รองรับระบบความปลอดภัยทั้งเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ กับระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า รองรับการสั่งงานด้วยท่าทาง และเปลี่ยนรูปแบบของปุ่มสั่งงานได้

มีบริการจาก Google ให้ใช้งานครบครัน
ปรับแต่งหน้าจอโฮมสกรีนได้หลากหลาย
สามารถแบ่งหน้าจอเพื่อใช้งานพร้อมกัน 2 แอปพลิเคชันได้ พร้อมเปิดโหมดถนอมสายตาได้ อีกทั้งยังมีโหมดเกมสำหรับเร่งศักยภาพฮาร์ดแวร์ให้ใช้งานอีกด้วย
แบตเตอรี่สุดอึดใช้งานนานทั้งวัน

ทางด้านแบตเตอรี่ก็มีความจุมามากถึง 5200 mAh ซึ่งทางเราได้ทดสอบจากการนำไปใช้งานด้วยที่ประเทศฮ่องกง โดยการใช้งานเต็ม 1 วันตั้งแจ่เช้าถึงเย็นก็ได้มีการเล่นแอปพลิเคชันโซเชียลเน็ตเวิร์ก, ถ่ายภาพ และเล่นเกม ก็พบว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานตั้งแต่เช้าจนถึงตอนเย็น เรียกได้ว่า แบตเตอรี่เพียงพอต่อการใช้งานได้ประมาณ 1 วัน
ตัวอย่างภาพจากกล้องดิจิทัลด้านหลัง
ตัวอย่าภาพจากโหมดปกติ ตัวอย่าภาพจากโหมดปกติ ตัวอย่าภาพจากโหมดปกติ
ตัวอย่าภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อย ตัวอย่าภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อย ตัวอย่าภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อย ตัวอย่าภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อย ตัวอย่าภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อย ตัวอย่าภาพถ่ายในสภาวะแสงน้อย
ตัวอย่าภาพถ่ายระยะใกล้ ตัวอย่าภาพถ่ายระยะใกล้ ตัวอย่าภาพถ่ายหน้าชัดหลังเบลอ
ตัวอย่างภาพจากกล้องดิจิทัลด้านหน้า

สรุปผลการทดสอบของ Infinix Note 8
จบลงไปแล้วนะครับสำหรับการรีวิว อินฟินิกซ์ Note 8 สมาร์ทโฟนราคาประหยัดสุดคุ้มรุ่นล่าสุดจากแบรนด์ Infinix และจากการทดสอบทั้งหมดที่ผ่านมาก็พอที่จะสรุปได้ว่าเป็นสมาร์ทโฟนสุดคุ้มราคาไม่แพงที่สามารถตอบโจทย์ขั้นพื้นฐานได้ดีเป็นอย่างมาก

ทั้งการเลือกใช้หน้าจอที่ใหญ่ 6.95 นิ้ว ทำให้ชมภาพยนตร์ด้วยหน้าจอใหญ่บนความละเอียดระดับ HD+ ได้อย่างเต็มตาเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีสเปกเครื่องที่สามารถเล่นเกมกราฟิกแบบ 3D ได้ดีกว่าที่คาดเอาไว้
เนื่องด้วยมีหน่วยความจำแรมมากถึง 6GB จึงตอบโจทย์การใช้งานทั้งเล่นเกม หรือเปิดหลายๆ แอปพลิเคชันพร้อมกันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้ด้วยหน่วยความจำภายในขนาด 128GB และยังเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD เพิ่มเติมได้
นอกจากนี้ ยังมีกล้องดิจิทัลที่สามารถถ่ายภาพได้คมชัดทั้งด้านหน้าด้านหลัง และยังมีแบตเตอรี่มากถึง 5200 mAh พร้อมชาร์จเร็ว 18W ซึ่งเป็นความจุที่เยอะพอจะตอบโจทย์การใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน หากใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนที่มีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาทั้งหมด อินฟินิกซ์ Note 8 ก็ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าไม่น้อย
สำหรับ Infinix Note 8 รุ่น RAM 6GB + ROM 128GB นั้นได้เปิดราคาออกมาที่ 4,590 บาท เท่านั้น! โดยสามารถสั่งซื้อได้ผ่านทางเว็บไซต์ Lazada.com หรือสอบถามรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมของ Infinix Note 8 ได้ที่นี่

นอกจากนี้ ยังมีประกันแบตเตอรี่เปลี่ยนฟรี 1 ครั้งใน 1 ปี (กรณีเครื่องดับเพราะแบตเสีย)ยังมีบริการรับ-ส่งเครื่อง และหากในกรณีที่เครื่องมีปัญหา ด้วยบริการจาก Kerry หากเครื่องของลูกค้ามีปัญหาก็สามารถโทรติดต่อทางศูนย์บริการของ Infinix ได้ทันที (ประกันงานซ่อมไม่เกิน 7 วันได้รับเครื่องคืน)
โดยบริการรับ-ส่งนี้ทางลูกค้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ (ไม่รวมเสาร์ อาทิตย์) สำหรับวันนี้ต้องขอลาไปก่อน พบกันได้ใหม่โอกาสหน้า สวัสดีครับ
จุดเด่นของ Infinix Note 8
– หน้าจอแสดงผลคมชัดระดับ HD+ ขนาด 6.95 นิ้ว
– ใช้งานต่างๆ ได้ไหลลื่นด้วยหน่วยความจำแรมขนาด 6GB
– มีหน่วยความภายในขนาด 128GB
– กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้เนียนเป็นธรรมชาติ
– กล้องดิจิทัลด้านหลัง 64 ล้านพิกเซล ช่วยให้ถ่ายภาพได้หลากหลาย และถ่ายได้คมชัดทุกสถานการณ์
– มีแบตเตอรี่มากถึง 5200 mAh ซึ่งเป็นความจุที่เยอะพอจะตอบโจทย์การใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน
– ตัวเครื่องดีไซน์สวย มีเอกลักษณ์
– มีสิทธิพิเศษมากมาย และบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมในกรณีที่เครื่องมีปัญหา
– สมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 5,000 บาท มีคุณสมบัติตัวเครื่องที่คุ้มค่าเป็นอย่างมาก
จุดที่ต้องพิจารณาของ Infinix Note 8
– จำหน่ายทางช่องทางออนไลน์เป็นหลัก
– ตัวเครื่องเป็นแบบมัมวาวทำให้เกิดคราบเปื้อน หรือรอยนิ้วมือได้ง่าย
– ชิปเซ็ตเป็นระดับเริ่มต้น จึงไม่เหมาะกับการประมวลผลสูง
นำเสนอบทความโดย : StepGeek.TV