iPhone 12 Pro Max เป็นไอโฟนรุ่นท็อปของปี 2020 มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นที่แล้วไปพอสมควร ทั้งหน้าตาภายนอก และสเปกภายใน หลังจากที่ได้ใช้งานมาสักพัก วันนี้จะมารีวิวและบอกเล่าความรู้สึกหลังการใช้งานไอโฟนรุ่นใหม่รุ่นนี้กันครับ
หน้าจอใหญ่ขึ้น แต่น้ำหนักเท่าเดิม

สำหรับไอโฟนรุ่นท็อปนี้จะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม โดยจะมีขนาด 6.7 นิ้ว จากเดิม 6.5 นิ้ว เป็นจอภาพ Super Retina XDR ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซลที่ 458 ppi การแสดงผลแบบ True Tone ขอบเขตสีกว้าง (P3) อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1 (ทั่วไป) ความสว่างสูงสุด 800 นิต (ทั่วไป) และความสว่างสูงสุด 1,200 นิต (HDR) ซึ่งทาง DisplayMate ให้เกรด A+ และได้ยกตำแหน่ง “Best Smartphone Display Award” กับหน้าจอของรุ่นนี้
ซึ่งเท่าที่ได้ใช้งานมา ก็รู้สึกได้เลยว่าหน้าจอใหญ่ เต็มตา ยังมองเห็นได้ชัดแม้อยู่กลางแจ้ง และที่เป็นจุดเด่นของ iPhone หรืออุปกรณ์ของ Apple ก็คือ ความแม่นยำของสี ที่แสดงผลออกมาได้ตรงมากๆ นอกจากนี้ยังมีโหมด True Tone ปรับแสงและสีตามสภาพแวดล้อมตอนที่ใช้งานอีกด้วย ทำให้เราใช้งานได้อย่างสบายตา ตรงนี้หากใครที่ไม่ถูกใจ ก็สามารถปิดการใช้งานได้

และด้วยดีไซน์แบบใหม่ ตัดขอบเรียบเหมือนกับ iPad Pro และ iPad Air รุ่นที่ 4 ขอบตัวเครื่องเหลี่ยม ทำให้ตัวเครื่องบางลงกว่ารุ่นที่แล้วจาก 8.1 มิลลิเมตร เหลือ 7.4 มิลลิเมตร ทำให้การจับตัวเครื่องก็ยังจับได้ถนัดมืออยู่ อีกทั้งยังทำให้มีน้ำหนักตัวเครื่องเท่าเดิมที่ 226 กรัม
แต่ทว่าในการใช้งานแรกๆ ย้ายมาจาก iPhone 11 Pro ที่มีหน้าจอขนาด นิ้ว ทำให้ยังไม่ค่อยคุ้นมือเท่าไรนัก รู้สึกว่าตัวเครื่องหนัก และใช้งานมือเดียวไม่ค่อยถนัด แต่พอผ่านการใช้งานไปสักประมาณ 1 สัปดาห์ ก็เริ่มชินมือมากขึ้น การถือ การพิมพ์ก็ถนัดมากขึ้น ส่วนการใช้งานมือเดียวต้องฝ่ามือใหญ่จริงๆ ถึงจะใช้งานได้แบบถนัดเครื่องไม่หลุดมือ ส่วนเรื่องขอบคมบอกได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องจริง ใช้งานได้โดยไม่โดนขอบตัวเครื่องบาดใดๆ
กล้องหลังที่มาพร้อม LiDAR Scanner ทำได้ดีขึ้น

iPhone 12 Pro Max ยังคงมาพร้อมกับกล้องหลัง 3 เลนส์ ประกอบด้วย เลนส์ไวด์, อัลตร้าไวด์ และ เทเลโฟโต้ ความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่ากันหมด แต่มีการปรับปรุงเล็กน้อยโดยเพิ่มขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น ทำให้รูรับแสงในเลนส์ไวด์จาก f/1.8 มาเป็น f/1.6 จะทำให้การถ่ายภาพนั้นสว่างขึ้น และเลนส์เทเลโฟโต้จะซูมได้มากกว่าขึ้นเดิมเล็กน้อยเป็น 2.5x สามารถถ่ายภาพบุคคลในโหมดกลางคืนได้แล้ว รูปภาพที่ได้ออกมาก็มีความสวยงามและคมชัด สีสันสมจริง เก็บรายละเอียดของภาพได้ดี ถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหลัง
นอกจากนี้ยังเพิ่ม LiDAR Scanner เข้ามาในเรื่องของ AR และก็ยังช่วยในเรื่องของการโฟกัสอีกด้วย ทำให้สามารถถ่ายแก้วน้ำพร้อมหลอดด้วยโหมดบุคคลโดยที่หลอดไม่ถูกเบลอละลายหายไปแล้ว และถ้านำไปถ่ายสัตว์เลี้ยงก็ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ขนไม่โดนตัดขาดออกไปจนทำให้ดูลอยๆ ออกจากภาพแล้ว
ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดบุคคล


และมาพร้อมกับ Apple ProRAW ถ่ายไฟล์ RAW พร้อมตกแต่งแก้ไขภาพในแอป Photos ได้ทันที ระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคอลที่ใช้การปรับตำแหน่งเซ็นเซอร์ ช่วยในการลดการสั่นไหวมากขึ้น ทำให้การถ่ายภาพและวิดีโอนิ่งขึ้นด้วย และการบันทึกวิดีโอก็รองรับการบันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 60 fps
ชิปใหม่ แรงขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น

12 Pro Max มาพร้อมชิป Apple A14 Bionic เป็นชิปแรกบนสมาร์ทโฟนที่ใช้สถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร เร็วและแรงขึ้น ซึ่งการใช้งานทั่วไปอาจจะไม่รู้สึกว่าเร็วขึ้นแบบเห็นได้ชัดมากนัก แต่ด้านการประหยัดพลังงานนี่ต้องบอกเลยว่าสามารถใช้งานได้แบบเต็มวันจริงๆ เริ่มต้นใช้งานตอนเช้า ออกข้างนอกบ้าน มีหยิบมือถือออกมาถ่ายรูป ออกมาใช้งานปกติทั่วไป ตอนเย็นกลับมาก็ยังคงเหลืออยู่ หากไม่ได้เล่นเกมระหว่างวันก็อยู่ได้เต็มวันแบบสบายๆ

ในด้านความบันเทิง ดูหนังฟังเพลง ลำโพงสเตอริโอ เสียงดังดีมีมิติ ด้านการเล่นเกมก็ทำได้อย่างลื่นไหล การแสดงผลกราฟิกก็ยังคงทำได้ดีไม่ผิดหวัง ระบบปฏิบัติการ iOS 14.3 ก็มีลูกเล่นให้ใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Widget, App Library

รองรับ 5G

มาในปีนี้ iPhone รองรับการใช้งาน 5G แล้ว สามารถเปิดแพ็คจากผู้ให้บริการเครือข่ายแล้วใช้งานในพื้นที่ที่รองรับได้เลย สำหรับการเปิดใช้งานครั้งแรกจะรู้สึกว่าตัวเครื่องร้อน อาจจะเป็นเพราะไม่ได้อยู่ในใจกลางเมือง แต่พอใช้งานไปอีกหลายๆ วัน ก็ไม่เจออาการเครื่องร้อนแบตเตอรี่หมดเร็วอีกเลย ในส่วนการเชื่อมต่ออื่นๆ ยังคงรองรับ Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0, NFC, GPS และการโทรผ่าน Wi-Fi พร้อมกับมี eSIM เพื่อใช้เป็นหมายเลขที่สองในเครื่องได้
รองรับ MacSafe

ฟีเจอร์ใหม่ที่ใส่เข้ามาทั้ง iPhone 12 Series วงแหวนแม่เหล็กด้านหลังตัวเครื่อง โดยจะใช้กับอุปกรณ์เสริมแบบใหม่ ทำให้การชาร์จไร้สายกับอุปกรณ์ที่รองรับ MacSafe นั้นดูดติดกับตัวเครื่องและแม่นยำมากกว่าเดิม ชาร์จไร้สายได้อย่างต่อเนื่องไม่เลื่อนหลุด อีกทั้งยังใช้กับอุปกรณ์เสริมต่างๆ ของ Apple อาทิ กระเป๋าใส่บัตร ได้อีกด้วย โดยสามารถใช้งานผ่านเคสได้
ไม่แถมหูฟัง และอะแดปเตอร์แล้ว

อย่างที่ทราบกันดีว่า เพื่อเป็นการลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ และลดขยะอเล็กทรอนิกส์ Apple จึงมีการตัดสินใจตัดหูฟังและอะแดปเตอร์ที่แถมมาในกล่องออก เพื่อให้ขนาดกล่องเล็กและบางลงช่วยลดคาร์บอนฟุตพริ้นต์ตอนผลิตลงได้ และสามารถขนส่งได้มากกว่าเดิม ก็ช่วยลดมลพิษทางอากาศได้ รวมถึงการที่ตัดอะแดปเตอร์และหูฟังออก ก็เพื่อเป็นการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ลง เนื่องจากผู้ใช้มักจะมีทั้งสองอย่างนี้อยู่แล้ว โดยเปลี่ยนมาให้สาย USB‑C เป็น Lightning สำหรับการชาร์จเร็วมาแทน ซึ่ง iPhone รุ่นก่อนหน้าที่เป็นล็อตใหม่ ก็จะไม่มีการแถมอุปกรณ์ดังกล่าวเช่นกัน ถ้าหากใครที่ต้องการหัวชาร์จเร็ว 20W ก็ต้องทำการซื้อเพิ่มเอา
สรุปการใช้งาน iPhone 12 Pro Max

ยังคงเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าจอ, กล้อง, ความเร็วแรงในการประมวลผล ที่สำคัญที่สุดก็คือระบบปฏิบัติการที่คุ้นชิน ตั้งแต่ที่ได้ลองใช้งานมาก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เรื่องหน้าจอรีเฟรซเรท 120Hz ที่ยังไม่มีในรุ่นนี้ก็ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่ (แต่ถ้ามีมันก็ดีกว่า) การรองรับ 5G และใช้ในพื้นที่ที่รองรับก็ทำให้ดาวน์โหลดคอนเทนท์ต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น การถ่ายภาพก็ทำได้ดีขึ้น ใครที่ชอบถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW แล้วนำไปปรับผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ก็รองรับแล้ว
หากใครที่ใช้ตั้งแต่ iPhone 8 ลงไป แล้วอยากเปลี่ยนรุ่นใหม่ ต้องการหน้าจอใหญ่ๆ ถ่ายรูปสวยๆ รุ่นนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมาก ส่วนใครที่ใช้ iPhone 11 Pro Max อยู่ก็ลองชั่งใจดูว่าจำเป็นหรือไม่ แต่ถ้าหากมีงบประมาณอยู่แล้วก็จัดไปได้เลย และถ้าใครที่ไม่ได้อยากได้หน้าจอใหญ่ขนาดนี้ ก็อาจจะมองเป็น iPhone 12 Pro หรือลดงบประมาณลงมาหน่อยก็จะเป็น iPhone 12 แต่ถ้าจะเน้นด้านกล้องให้ดีไปเลย ยังไงก็ต้องเป็นรุ่นท็อปรุ่นนี้ครับ
สเปก iPhone 12 Pro Max
- ดีไซน์แบบกระจก ผสานอะลูมิเนียม น้ำหนัก 226 กรัม
- หน้าจอ OLED Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1
- กระจกหน้าจอแบบใหม่ Ceramic Shield
- ชิป Apple A14 Bionic
- ความจุ 128GB/256GB/512GB
- กล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียด 12+12+12 ล้านพิกเซล โดยสามารถซูมได้ที่ 5x-12x, มี LiDAR Scanner มีระบบกันสั่นแบบ Gyro Sensor และรองรับ Dolby Vision
- บันทึกวิดีโอ HDR ในแบบ Dolby Vision สูงสุด 60 fps
- บันทึกวิดีโอระดับ 4K ที่ 24 fps, 30 fps หรือ 60 fps
- บันทึกวิดีโอระดับ HD 1080p ที่ 30 fps หรือ 60 fps
- บันทึกวิดีโอระดับ HD 720p ที่ 30 fps
- กล้องหน้า TrueDepth 12 ล้านพิกเซล
- ระบบปฏิบัติการ iOS 14
- รองรับ MacSafe
- รองรับ 5G Sub-6GHz, Wi‑Fi 6, Bluetooth 5.0, NFC, GPS
- มีระบบปลดล็อกด้วยใบหน้า FaceID
- ระบบชาร์จเร็วแบบ 20W
ราคา iPhone 12 Pro Max ในไทย
มาในสีกราไฟต์ เงิน ทอง และแปซิฟิกบลู
- รุ่นความจุ 128GB ราคา 39,900 บาท
- รุ่นความจุ 256GB ราคา 43,900 บาท
- รุ่นความจุ 512GB ราคา 51,900 บาท