ช่วงในปี 2020 การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนก็ยังคงร้อนแรงและดุเดือนกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้จะเน้นไปเรื่องของเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพของเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคโนโลยี 5G, กล้องหลัง 5 เลนส์ ที่ให้ความละเอียดสูงถึง 108 ล้านพิกเซล, กล้องหน้าซ่อนใต้จอ, สมาร์ทโฟนพับได้หรือจะเป็นเทคโนโลชาร์จเร็วถึง 120 วัตต์ ส่วนเรื่องการดีไซน์ก็ยังคงในรูปแบบเดิม ไม่ค่อยจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก

ถึงแม้ว่าจะมีการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ก็ตามแต่ ก็ไม่ได้ทำให้ทางผู้ผลิตสมาร์ทโฟนในแต่ละแบรนด์ลด ละ เลิกที่จะผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ รวมไปถึงการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับสเปกที่จัดเต็ม ในราคาที่สามารถควักเงินจ่ายได้ ณ สถานการณ์แบบนี้
ล่าสุด ทางเว็บไซต์ gsmarena.com ได้ทำการรวบรวม 5 สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในปี 2020 หลังจากที่ได้สัมผัสและทดลองใช้งานมาแล้ว ซึ่งต้องบอกก่อนว่า การรวบรวมครั้งนี้ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ะละบุคคล บางคนอาจจะชอบที่การดีไซน์ บางคนชอบที่สเปกแรง รวมไปถึงราคาขายก็มีความชอบที่ไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่า เรามาลองดูกันดีกว่าว่า 5 สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในปี 2020 จะมีรุ่นอะไรบ้าง แล้วมีรุ่นไหนบ้างที่เราชอบและได้ครอบครองกันไปแล้ว ไปดูกันเลย!!!!
Samsung Galaxy Z Fold 2
Samsung Galaxy Z Fold 2 เป็นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ ที่ได้รับการดีไซน์ใหม่ ตอบโจทย์สำหรับด้านการใช้งานได้อย่างเต็มรูปแบบ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในโหมดพับก็ตาม ด้วยหน้าจอ Infinity-O ขนาดใหญ่ 6.2 นิ้ว ที่พร้อมใช้งานแอปพลิเคชั่นได้อย่างต่อเนื่องบนหน้าจอหลักด้านในเมื่อกางเครื่องออกและเมื่อมีวีดีโอคอลเข้ามาในขณะที่ใช้แอปพลิเคชั่นส่งข้อความก็สามารถกางเครื่องออกเพื่อรับสายและทำให้ภาพวีดีโอนั้นดูได้อย่างเต็มตามากขึ้น โดยที่ยังสามารถส่งข้อความต่อได้

นอกจากนี้ เมื่อกางเครื่องออกมาจะพบว่าหน้าจอหลักด้านในมีขนาดที่กว้างถึง 7.6 นิ้ว ซึ่งหน้าจอนั้นก็เทียบเท่าแท็บเล็ตหนึ่งเครื่องเลย ทำจากนวัตกรรมกระจก Ultra Thin Glass รองรับค่ารีเฟรชเรท 120Hz ให้ภาพสมูท รู้สึกสบายตาในการใช้งาน
มาพร้อมฟีเจอร์ Multi-Active Window สามารถเปิดใช้งานพร้อมกันสูงสุดถึง 3 หน้าจอ พร้อมจัดวาง Layout หน้าจอได้อิสระทั้งแนวตั้งและแนวนอน ให้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ของการใช้งาน ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ชอบทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะวีดีโอคอล ส่งข้อความ หรือเสิร์ชหาข้อมูล ก็สามารถทำได้พร้อมๆ กัน
โดดเด่นด้วยกล้องระดับโปร 5 ตัว รองรับการเชื่อมต่อความเร็ว 5G อย่างเต็มรูปแบบ มาพร้อมแบตเตอรี่ทรงพลัง 4,500mAh และระบบชาร์จไว นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อ Samsung DeX กับสมาร์ททีวีได้แบบไร้สาย พร้อมประสบการณ์การใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพจากความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำอย่าง Google และ Microsoft
Huawei Mate 40 Pro
ในปี 2020 Huawei ก็มาแรงไม่แพ้แบรนด์อื่นเลย ถึงแม้ว่าจะไม่มีการบริการจาก GMS (Google Mobile Services) ก็ตามแต่ แต่ทาง Huawei เองก็ไม่ยอมแพ้และพยายามที่จะทำ HMS ของตัวเองให้มีประสิทธิภาพ
รวมไปถึงเมื่อไม่กี่นานมานี้ Huawei ก็ได้เป็นราชาแห่งกล้องถ่ายภาพ (King of Camera) ด้วยคะแนน 139 คะแนนจาก DXOMARK ในรุ่น Pro+ ส่วนในรุ่น Pro ธรรมดาก็เป็นอันดับที่ 2

Huawei Mate 40 Pro เพิ่งจะประกาศเปิดตัวไปเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ด้วยราคา 34,990 บาท มาพร้อมกับสเปกที่จัดเต็มและรองรับ 5G ใช้ชิปเซ็ต Kirin 9000 ตัวแรงรุ่นล่าสุดที่ผลิตบนสถาปัตยกรรม 5 นาโนเมตร
มีทรานซิสเตอร์ถึง 1.53 หมื่นล้านตัว ที่มากกว่าชิป Apple A14 Bionic เสียอีกถึง 30 และมี GPU แบบ Mali-G78 24-Core อีกทั้งยังมี CPU ที่เร็วขึ้นกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ Snapdragon 865+ ถึง 10%

การออกแบบตัวเครื่องของ Huawei Mate 40 Pro 5G เป็นแบบ Space Ring Design หน้าจอที่โค้งมา 88 องศา ที่ให้ทั้งความเรียบหรูและดูดี มาพร้อมกับหน้าจอ Flex OLED ขนาด 6.76 นิ้ว ความละเอียด FHD+ จอขอบโค้ง 88° จอรีเฟรชเรท 90Hz และอัตราการตอบสนองการสัมผัส 240Hz
กล้องหลังมีทั้งหมด 3 ตัวที่วางอยู่ในโมดูลทรงกลมตรงกึ่งกลางบนของด้านหลังตัวเครื่อง มาพร้อมกับไฟแฟลชคู่ Dual LED ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ Leica
โดยกล้องหลัก 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.9 มาพร้อมกับเทคโนโลยี RYYB + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 20 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 + เลนส์ Telephoto ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/3.4 รองรับระบบกันสั่น OIS สามารถซูมแบบออฟติคอล 5 เท่า, ดิจิตอลและไฮบริดซูมได้ และมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ ToF แบบหน้าชัดหลังเบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ

โดยเลนส์หลัก ที่ให้ความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซลนั้น จะได้ภาพที่มีขนาดใหญ่และสามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างคมชัดทั่วทั้งภาพ สามารถซูมเข้าไปดูรายละเอียดเล็กๆ ในภาพได้อย่างชัดเจน และมีระบบ AI ที่เข้ามาช่วยระบุฉากที่กำลังจะถ่ายแบบอัตโนมัติ ทำให้สามารถถ่ายภาพได้ง่ายและถ่ายออกมาได้อย่างสวยงามโดยไม่ต้องตั้งค่าให้ยุ่งยาก
ส่วนเลนส์ Ultra-wide นั้น ก็สามารถถ่ายที่มุมมองที่กว้างเหมือนฉากในภาพยนตร์ สามารถเก็บแสงและโทนของสีได้อย่างสวยงามที่ให้ความละเอียด 20 ล้านพิกเซลและเลนส์ Telephoto ที่สามารถซูมแบบออฟติคอลได้ 5 เท่าและซูมแบบดิจิตอลได้ถึง 50 เท่าเลยทีเดียว โดยที่ภาพยังคงให้ความชัดเจนอยู่

แบตเตอรี่ขนาด 4,400 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 66 วัตต์ ซึ่งทาง Huawei ก็ได้เคลมว่าสามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในระยะเวลา 46 นาที พร้อมทั้งยังสามารถเชื่อมต่อ 5G ได้นานถึง 9.7 ชั่วโมง
และสามารถชาร์จผ่านพอร์ต USB Type-C และสามารถชาร์จแบบไร้สาย Wireless SuperCharge 50 วัตต์
OnePlus 8 Pro
แม้ว่าจะเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2020 ก็ถือว่ายังไม่นานเท่าไหร่ ที่ได้รับการอัปเกรด พร้อมปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้นหลายส่วน เช่น แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น, ดีไซน์สวยขึ้น, หน้าจอแสดงผลดีขึ้น และที่สำคัญคือสเปกเร็วแรงกว่าเดิมและยังคงให้ความเป็นสมาร์ทโฟนที่มีฉายาว่า “นักฆ่าเรือธง” แบบจัดเต็ม พร้อมราคาเปิดตัวที่ 34,990 บาท

หน้าจอ Fluid AMOLED Display ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียดแบบ QHD+ + (3168 x 1440 พิกเซล) จอมีค่าอัตรารีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz ที่สามารถดูหน้าจอแสดงผลได้อย่างลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
ส่วนขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 165.3 x 74.3 x 8.5 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักอยู่ที่ 199 กรัม
ซึ่งขนาดของตัวเครื่อง OnePlus 8 Pro นั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่า OnePlus 7 Pro อยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังคงความบางและมีน้ำหนักที่เบาลงมาทดแทน ที่สามารถมือจับได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ใหญ่และไม่เล็กจนเกินไป

แถมยังมาพร้อมกับจุดเด่นด้านคุณภาพในการแสดงผลด้วยการรองรับมาตรฐานการแสดงผลแบบ HDR10+, รองรับการแสดงสีสันแบบ 10-bit ที่สามารถแสดงสีได้มากถึง 1,000 ล้านสี, แสดงความผิดเพี้ยนของสีที่สามารถมองเห็นได้ (JNCD) เพียง 0.4 และยังได้รับคะแนนการทดสอบจากสถาบันหน้าจอชั้นนำอย่าง DisplayMate ด้วยคะแนนระดับ A+ เลยทีเดียว
แบตเตอรี่ OnePlus 8 Pro ขนาด 4,510 mAh ถือว่าทาง OnePlus ให้มาค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว และรองรับการชาร์จเร็ว 30 วัตต์ ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 50% ภายในระยะเวลาเพียง 23 นาที และสามารถชาร์จแบบไร้สาย Wireless Charging ภายในระยะเวลา 30 นาที จะได้แบตเตอรี่ 50% ถือว่ามีความสูสีกับการชาร์จแบบสาย
Google Pixel 5
Google Pixel 5 เป็นสมาร์ทโฟน Android เลือดบริสุทธิ์ที่มาพร้อมกับชิปเซ็ต Snapdragon 765G และเป็นรุ่นแรกที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ Android 11 แถมยังได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ที่มาพร้อมกับหน้าจอ OLED ขนาดใหญ่ 6 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ จอรีเฟรเรท 90Hz ที่สามารถใช้งานได้อย่างไหลลื่นและมีความสมูท ไม่ว่าจะเล่นเกม ทำงานหรือวาดเขียนบนหน้าจอ

กล้องหลัง 2 ตัว ที่ยังคงมีโมดูลกล้องสี่เหลี่ยมที่มุมซ้ายมือบน โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 12.2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 รองรับระบบกันสั่น OIS และ EIS + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 107 องศา และรองรับการถ่ายวีดีโอได้ในระดับ 4K ที่ 60fps
แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 18 วัตต์, RAM 8GB, ROM 128GB ไม่รองรับ MicroSD Card และรองรับระบบปฏิบัติการ Android 11
iPhone 12 mini
มาถึงสมาร์ทโฟนรุ่นสุดท้ายนั่นก็คือ iPhone 12 mini รุ่นขนาดจิ๋ว ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย ที่ถูกเคลมว่าเป็นสมาร์ทโฟน 5G ที่มีขนาดเล็กและบางที่สุดในโลก โดยขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 131.5 x 64.2 x 7.4 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักเพียง 133 กรัม ซึ่งที่ต่างประเทศผู้บริโภคส่วนใหญ่นิยมใช้สมาร์ทโฟนขนาดกะทัดรัดกันทั้งนั้น แต่เมื่อเทียบกับคนไทยแล้วนั้น ช่างแตกต่างกันซะเหลือเกิน เพราะเนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่มักจะชอบหน้าจอใหญ่ ยิ่งใหญ่ยิ่งดี ยิ่งใหญ่ยิ่งเห็นได้อย่างเต็มตาเต็มจอ

มาพร้อมกับหน้าจอ OLED Super Retina XDR ขนาด 5.4 นิ้ว อัตราส่วนคอนทราสต์ที่สูงถึง 2,000,000:1 และสามารถดันค่าความสว่างหน้าจอไปได้มากที่สุดถึง 1,200 nits ครอบทับด้วยกระจกแบบใหม่ Ceramic Shield ที่ให้ความทนทานของตัวเครื่องด้านหน้ายิ่งขึ้นไปอีกถึง 4 เท่า ใช้ชิปเซ็ต Apple A14 Bionic ขนาด 5 นาโนเมตร สามารถทำคะแนน Single-core ไปได้ 1,583 คะแนน และ Multi-core มีคะแนนอยู่ที่ 4,198 คะแนนเลยทีเดียว ซึ่งก็ถือว่าเป็นชิปที่แรงแซงหน้าชิปในบรรดาสมาร์ทโฟนอื่นๆ ไปไกลอยู่พอสมควรเลยนะ

นอกจากนี้ Apple ยังเคลมอีกว่า ชิป A14 Bionic นั้นยังให้ประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ที่แรงกว่าชิปในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ถึง 50%, มี Neural Engine แบบ 16-core, Transistor กว่าหมื่นล้านตัว ทำให้การใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมนั้นไหลลื่นมากกว่าเดิม
กล้องหลัง 2 ตัว โดยเลนส์ Wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายภาพได้กว้าง 120 องศา ส่วนกล้องหน้า ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 5 สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในปี 2020 ซึ่งบางคนอาจจะมีสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดอยู่ในมือกันอยู่แล้วล่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคลนะจ๊ะว่าจะเลือกแบบไหน
นำเสนอข่าวโดย : StepGeek.TV
ที่มา : gsmarena