สมาร์ทโฟนในปัจจุบันนี้มีมากมายซะเหลือเกิน บางแบรนด์ก็สับรุ่นย่อยออกมาจนงวยงงไปหมด ซึ่งผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเองต่างก็ผลิตสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกมาประชันกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสเปกที่ให้มาแบบจัดเต็ม, การดีไซน์ตัวเครื่องที่ให้ความพรีเมี่ยม, กล้องถ่ายภาพทั้งกล้องหน้า-กล้องหลัง, แบตเตอรี่ที่อึดสามารถใช้งานได้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน รวมไปถึงราคาขายก็ต้องประหยัดอีกด้วย แน่นอนว่าถ้ามีครบเครื่องแล้วล่ะก็….สมาร์ทโฟนรุ่นนั้นจะได้รับสนใจมากที่สุดและมียอดขายจนทะลุเป้าอย่างแน่นอน
วันนี้ทีมงาน StepGeek.TV ได้รวบรวม 6 สมาร์ทโฟนที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในสัปดาห์นี้ ซึ่ง Xiaomi POCO M3 เป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
Xiaomi POCO M3
ผู้ผลิตสมาร์ทโฟน Xiaomi ยิ้มแฉ่งที่ยังคงครองแชมป์เป็นอันดับ 1 โดย Xiaomi POCO M3 เป็นสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นสัปดาห์ที่ 2 แล้ว ที่เพิ่งจะเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ที่มาพร้อมกับหน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด FHD+ จอรีเฟรชเรท 60Hz ครอบทับด้วยกระจก Gorilla Glass 3 หน้าจอทรงหยดน้ำสำหรับวางกล้องเซลฟี่ ที่ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล

กล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.79 + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกซล รูรับแสง f/2.4 + เลนส์ Depth Camera ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4
แบตเตอรี่ขนาด 6,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 18 วัตต์, รองรับสแกนลายนิ้วมือที่ด้านข้างของตัวเครื่องและรองรับระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 12
มีทั้งหมด 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีดำ Power Black, สีน้ำเงิน Cool Blue และสีเหลือง POCO Yellow
Xiaomi Redmi Note 9 Pro 5G
ส่วนอันดับที่ 2 ก็ยังคงเป็นแบรนด์ Xiaomi อีกเช่นเคย อย่าง Xiaomi Redmi Note 9 Pro 5G ที่มาพร้อมกับชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 750G
หน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ หน้าจอเจาะรูตรงกึ่งกลางบนของหน้าจอสำหรับวางกล้องเซลฟี่ที่ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล

ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 750G ของ Qualcomm มีแนวโน้มว่าจะเป็นการรีแบรนด์ Xiaomi Mi 10t Lite 5G ที่อาจจะมีหน้าจอรีเฟรชเรท 120Hz RAM 6GB/8GB/12GB และ ROM 64GB/128GB/256GB
กล้องหลัง ให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Samsung HM2, แบตเตอรี่ขนาด 4,710 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33 วัตต์, รองรับระบบปฏิบัติการ Android 10 ครอบทับด้วย MIUI 12 และรองรับสแกนลายนิ้วมือด้านข้างของตัวเครื่อง
iPhone 12 Pro Max
ในขณะที่ iPhone 12 Pro Max รุ่นท็อปสุดของตระกูล 12 Series ที่ยังคงครองอันดับเป็นอันดับ 3 เหมือนเดิม ที่มาพร้อมกับหน้าจอ OLED Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราส่วนคอนทราสต์ 2,000,000:1
สามารถดันค่าความสว่างหน้าจอไปได้มากที่สุดถึง 1,200 nits มาพร้อมกับกระจกหน้าจอแบบใหม่ Ceramic Shield ที่ทนต่อการตกกระแทกได้ดีขึ้น 4 เท่า นับเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดจากปีก่อนหน้าได้อย่างยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone

ใช้ชิป Apple A14 Bionic ที่ให้ประสิทธิภาพของ CPU และ GPU ที่แรงกว่าชิปในสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ถึง 50%, มี Neural Engine แบบ 16-core, Transistor กว่าหมื่นล้านตัว ทำให้การใช้งานทั่วไปและการเล่นเกมนั้นไหลลื่นมากกว่าเดิมและความจุ 128GB/256GB/512GB
กล้องหลัง 3 ตัว ปะกอบไปด้วยเลนส์ wide, เลนส์ Ultra-wide และ เลนส์ Telephoto ที่ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และได้รับการปรับปรุงเล็กน้อยโดยเพิ่มขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ขึ้น ปรับมาใช้เป็น 7 ชิ้นเลนส์ ทำให้รูรับแสงในเลนส์ wide จาก f/1.8 มาเป็น f/1.6
ทำให้การถ่ายภาพนั้นสว่างขึ้นกว่าเดิม 27% สามารถถ่ายภาพเลนส์มุมกว้างและบุคคลในโหมดกลางคืนได้แล้ว

รวมถึงยังมาพร้อมเซ็นเซอร์ LiDAR Scanner ที่อยู่บน iPad Pro รุ่นปี 2020 มาใช้งานเพื่อช่วยในเรื่องของการตรวจวัดระยะห่างจากวัตถุ เสริมให้การโฟกัสทำงานได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้นกว่าการใช้เลนส์ Depth Sensor ทั่วไป ถึงแม้อยู่ในสภาวะแสงน้อยก็ตามแต่
Samsung Galaxy A51
ส่วนอันดับที่ 4 นั้น เป็นของแบรนด์ Samsung อย่าง Galaxy A51 ที่ยังคงได้รับความสนใจอยู่ตลอดกาล มาพร้อมกับหน้าจอ Super AMOLED Infinity-O Display ขนาด 6.5 นิ้ว ให้ความละเอียด 2400×1080 พิกเซล

ซึ่งเป็นหน้าจอแสดงผลที่ไร้รอยบาก ทำให้แสดงผลคอนเทนท์ต่างๆ ได้เต็มตา ซึ่งได้รับการอัปเกรดเรื่องหน้าจอแสดงผลให้ดขึ้นกว่ารุ่น Galaxy 50s อยู่พอสมควร ใช้ Exynos 9611, RAM 6GB แบบ LPDDR4X และ ROM 128GB สามารถเพิ่ม MicroSD Card ได้สูงสุด 1TB
กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว 4 โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f /2.0 + เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f /2.2 + เลนส์ Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล + เลนส์ Depth ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล
ส่วนกล้องหน้า ให้ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล
Xiaomi Redmi Note 9 Pro
Redmi Note 9 Pro 5G มาพร้อมกับหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ จอรีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการสัมผัสของหน้าจอ 240Hz หน้าจอเจาะรูตรงกึ่งกลางบนของหน้าจอสำหรับวางกล้องเซลฟี่ที่ให้ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
ด้านหน้าและด้านหลังของตัวเครื่องได้รับการปกป้องด้วยกระจก Gorilla Glass 5

ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 750G ของ Qualcomm และมีโมเด็ม X52 เหมือนกับชิป Snapdragon 765G, RAM 6GB/8GB, ROM 128GB/256GB แบบ UFS 2.2, แบตเตอรี่ขนาด 4,820 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33 วัตต์ สามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในระยะเวลา 58 นาที
กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ Samsung HM2 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพได้กว้าง 120 องศา + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล + เลนส์ Depth ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล สามารถซูมแบบดิจิตอลได้ถึง 3 เท่า โดยไม่เสียรายละเอียดของภาพ
Xiaomi POCO X3 NFC
Xiaomi POCO X3 NFC ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ได้รับการออกแบบมาสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีและการเล่นเกมเป็นพิเศษ โดยใช้การออกแบบอย่างพิถีพิถัน แถมยังยัดสเปกระดับไฮเอนด์ที่คุ้มค่าที่สุดในราคาที่ย่อมเยา เริ่มต้นที่ 6,999 บาท

มาพร้อมกับหน้าจอที่ดีไซน์แบบ DotDisplay ชนิด LCD ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (2400 x 1080 พิกเซล) มีค่ารีเฟรชเรท 120Hz และอัตราการตอบสนองต่อการสัมผัสหน้าจอ 240Hz อัตราส่วนของจอ 20:9 และครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5
ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 732G ของ Qualcomm รุ่นแรกของโลก ที่ทำคะแนน AnTuTu ได้มากกว่า 300,000 คะแนนเลยทีเดียวและเคลมว่าเป็นชิปเซ็ตในตระกูล Snapdragon 700-series ที่รองรับ 4G ที่แรงที่สุด
กล้องหลังมีทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลัก มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ IMX682 ให้ความละเอียด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.89 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 สามารถถ่ายมุมกว้างได้ 119 องศา + เลนส์ Macro ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายภาพในระยะใกล้สุด 4 เซนติเมตร + เลนส์ Depth ให้ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4

RAM 6GB แบบ LPDDR4X, ROM 64GB/128GB แบบ UFS 2.1 สามารถเพิ่ม microSD Card ได้สูงสุด 256GB, แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,160 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 33 วัตต์ ที่สามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในระยะเวลาเพียง 65 นาที
นำเสนอข่าวโดย : StepGeek.TV
ที่มา : gsmarena