เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ของปีนี้ โดยเปิดตัวออกมาด้วยกันถึง 3 รุ่น มี Samsung Galaxy S21 Ultra เป็นรุ่นท็อปสุดของซีรีส์ และแน่นอนว่าหลายๆ คนอาจจะอยากทราบว่ามีอะไรใหม่ และแตกต่างแค่ไหนจาก Galaxy S20 Ultra ทีมงาน StepGeek.TV จะพาทุกท่านมาดูการปรียบเทียบสเปกทั้งสองรุ่นนี้ ไปติดตามกันเลยครับ
สเปก Samsung Galaxy S21 Ultra
- ขนาดตัวเครื่อง 75.6 x 161.5 x 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 228 กรัม
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด WQHD+ จอรีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปเซ็ต Exynos 2100 ขนาด 5 นาโนเมตร
- RAM 12GB/16GB
- ROM 128GB/256GB/512GB
- กล้องหลังทั้งหมด 4 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล มาพร้อมเซ็นเซอร์ Samsung HM3 แบบ Nano Super-PD ขนาดพิกเซล 0.8um ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33” รูรับแสง f/1.8 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมเซ็นเซอร์ IMX563 รูรับแสง f/2.2 + เลนส์ Periscope ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 10 เท่า รูรับแสง f/4.9 + เลนส์ Telephoto ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 3 เท่า
- กล้องหน้า ให้ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2
- แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 45 วัตต์และรองรับการชาร์จ Wireless Charging
- รองรับปากกา S-Pen
- รองรับลำโพงสเตอริโอ AKG
- รองรับพอร์ต USB-C
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบทับด้วย One UI 3.0
- รองรับ Wi-Fi 6
- รองรับ Bluetooth 5.1
- รองรับมาตราฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68
- มี 2 สีให้เลือก ได้แก่ Phantom Black และ Phantom Silver
- ราคาเริ่มต้นที่ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 36,000 บาท
สเปก Samsung Galaxy S20 Ultra
- ขนาดของตัวเครื่อง 76 x 167 x 8.8 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 221 กรัม
- ขอบตัวเครื่อง Metal ฝาหลังกระจก
- หน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED Infinity O-Display ความละเอียด 3200×1440 พิกเซล (511ppi) อัตราส่วน 20:9 บนขนาด 6.9 นิ้ว พร้อมครอบทับด้วยกระจกแบบ 2.5D Gorilla Glass 6, Refresh Rate ที่ 120Hz กับ Touch Response 240Hz
- ชิปเซ็ต Exynos 990 ใหม่ล่าสุดขนาด 7 นาโนเมตร
- หน่วยความจำแรมขนาด 12GB แบบ LPDDR5
- หน่วยความจำภายในขนาด 128GB (UFS 3.0) และสามารถเพิ่มการ์ด microSD ได้สูงสุด 1TB
- ระบบปฏิบัติการ Android 10 (One UI 2.0)
- กล้องถ่ายภาพด้านหลัง 4 เลนส์ (Quad-Camera) โดยกล้องตัวแรกมีความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ซึ่งใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Samsung S5KHM1 ที่มีขนาด 1/1.3 นิ้ว, กล้องตัวที่สองความละเอียด 48 ล้านพิกเซล (Telephoto), กล้องตัวที่สามความละเอียด 12 ล้านพิกเซล (Ultra-Wide) และมีเลนส์ TOF สำหรับช่วยวัดระยะ นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกันภาพสั่นไหว, รองรับ AI Scene, รองรับ Optical Zoom 10x กับ Digital Zoom สูงสุด 100x, รองรับระบบป้องกันการสั่นไหวแบบ Super Steady Anti Rolling สำหรับถ่ายวิดีโอที่ดีขึ้นกว่าเดิม, ถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 8K 24fps, รองรับฟีเจอร์ Single Take ถ่ายภาพกับวิดีโอพร้อมกันผ่าน AI, รองรับฟังก์ชัน Custom Filter ที่สามารถก็อบ Filter จากภาพต้นแบบ ไปใช้กับอีกภาพได้ทันที, สามารถสลับกล้องหน้า-หลัง ได้ทันทีขณะบันทึกวิดีโอ และไฟแฟลช LED
- กล้องถ่ายภาพด้านหน้าความละเอียด 40 ล้านพิกเซล รองรับ Night Mode และถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K Ultra HD 60fps
- ระบบสแกนใบหน้า (Face Recognition) และเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอ
- ลำโพงเสียงภายนอกแบบคู่ พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Dolby Atmos by AKG
- แบตเตอรี่ขนาด 5000 mAh พร้อมรองรับเทคโนโลยีการชาร์จความเร็วสูงแบบ 45W
- กันน้ำ-กันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68
- รองรับเทคโนโลยี 5G
- มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Cosmic Black และ Cosmic Grey
- ราคา 39,900 บาท
เปลี่ยนดีไซน์กรอบเลนส์กล้องหลังใหม่

Galaxy S21 Ultra มีการเปลี่ยนดีไซน์ของกรอบเลนส์กล้องหลังใหม่ โดยเป็นแบบ Contour Cut ที่จะเชื่อมกับพื้นที่ด้านข้างของตัวเครื่องเข้าด้วยกัน ทำให้เวลาจับแล้วรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และฝาหลังจะเป็นแบบด้าน Haze Finish แตกต่างจาก Galaxy S20 Ultra ที่กรอบเลนส์ด้านหลังนูนแยกออกมา เวลาจับแล้วรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรมาแปะไว้ และฝาหลังเป็นกระจกแวววาว
หน้าจอเล็กลง ปรับรีเฟรชเรทให้อัตโนมัติ
หน้าจอของรุ่นใหม่มีขนาดที่เล็กลงมาจากรุ่นที่แล้วเล็กน้อย โดยจะมีขนาด 6.8 นิ้ว เป็นหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X แบบ Infinity-O display ความละเอียด WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) จอรีเฟรชเรท 120Hz แต่จะไม่มีการเลือกปรับรีเฟรชเรทแล้ว โดยหน้าจอจะปรับให้อัตโนมัติตามการใช้งานหรือตามแอปพลิเคชันต่างๆ ที่รองรับ และยังมาพร้อมกับ Eye Comfort Shield ปรับแสงสีฟ้าได้เพื่อที่ดวงตาจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก ป้องกันรอยขีดข่วนด้วยกระจก Corning Gorilla Glass Victus ส่วนรุ่นก่อนหน้าอย่าง S20 Ultra นั้นจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าที่ 6.9 นิ้ว และใช้กระจก Corning Gorilla Glass 6
รองรับ S Pen

S21 Ultra เป็น Galaxy S series รุ่นแรกที่รองรับการใช้งานปากกา S Pen สามารถจด, วาด, เขียน ได้ และยังใช้ Air Action ได้อีกด้วย แต่ปากกา S Pen นี้จะต้องทำการซื้อแยก โดยทางซัมซุงได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ต่างๆ ก็จะมี S Pen ให้เลือกอีกหลากหลายรูปแบบ ส่วน S20 Ultra นั้น ไม่รองรับการใช้งานปากกา S Pen
ชิปใหม่ เร็วขึ้น แรงขึ้น
ชิปเซ็ต Exynos 2100 ขนาด 5 นาโนเมตร ที่ทาง Samsung ได้แคลมว่ามี CPU ที่ดีกว่าเดิม 20%, มี GPU ที่ดีกว่าเดิม 35% และมี AI ดีขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า ซึ่งทาง S20 Ultra นั้นใช้ชิปเซ็ต Exynos 990 ใหม่ล่าสุดขนาด 7 นาโนเมตร
กล้องหลังปรับปรุงใหม่

S21 Ultra จะใช้เซ็นเซอร์ Samsung HM3 แบบ Nano Super-PD ขนาดพิกเซล 0.8um ที่มีขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.33” เลนส์หลักความละเอียด 108 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 และรองรับระบบกันสั่น OIS ส่วน S20 Ultra นั้นใช้เซ็นเซอร์รับภาพแบบ Samsung S5KHM1 ที่มีขนาด 1/1.3 นิ้ว ความละเอียด 108 ล้านพิกเซล ถ้าวัดเรื่องความละเอียดก็คงไม่ต่างกัน แต่ S21 Ultra นั้นจะใช้เซ็นเซอร์ที่ใหม่กว่า และมีการปรับการวางตำแหน่งชิ้นเลนส์ต่างๆ รวมถึงปรับระบบใหม่อีกด้วย ที่เหลือจะเป็นเลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล มาพร้อมเซ็นเซอร์ IMX563 รูรับแสง f/2.2 + เลนส์ Telephoto (1) ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 10 เท่า รูรับแสง f/4.9 + เลนส์ Telephoto (2) ให้ความละเอียด 10 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 3 เท่า และมีระบบโฟกัสภาพแบบ Laser AF Time-of-Flight มีการปรับการถ่ายภาพ Macro ให้อัตโนมัติ ส่วน S20 Ultra นั้นจะมีเลนส์ Telephoto แค่ชุดเดียว ทำให้การซูมของ S21 Ultra นั้นทำได้ดีกว่า
แบตเตอรี่เท่าเดิม กันน้ำ กันฝุ่นเหมือนเดิม
แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 45 วัตต์และรองรับการชาร์จ Wireless Charging เหมือนเดิม และกันน้ำ-กันฝุ่นตามมาตรฐาน IP68 มาให้เช่นเคย
Samsung Galaxy S21 Ultra vs Galaxy S20 Ultra เลือกรุ่นไหนดี?
ณ ตอนนี้ยังคงตอบให้ไม่ได้จริงๆ แต่ถ้าเป็นการดูจากสเปกแล้ว S21 Ultra ยังไงก็ดูน่าสนใจกว่าอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล้อง, ดีไซน์ที่ดูสวยงามขึ้น ฝาหลังแบบด้านช่วยลดปัญหารอยนิ้วมือ อีกทั้งยังรองรับปากกา S Pen อีกต่างหาก แต่ถ้าใครที่ใช้ S20 Ultra อยู่แล้วยังไม่อยากจะใช้ปากกา S Pen ก็ยังคงมองไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยน แต่ถ้ามีงบประมาณจำกัด ตรงนี้ต้องรอดูรีวิวผลการทดสอบการใช้งานต่างๆ ก่อน แน่นอนว่ารอติดตามจาก StepGeek.TV กันได้เลย แต่ถ้าใครใจร้อน เชิญอ่านพรีวิวกันก่อนได้เลย